Cloverfield (2008) วันวิบัติอสูรกายถล่มโลก
Posted by Unknown
Posted on September 11, 2016
with No comments
Cloverfield 18 Jan 2008
แทนที่จะหาทางหนี บ็อบกลับหาทางกลับเข้าเมืองเพื่อไปช่วยเบ็ธ ในช่วงเวลาที่ทางกองทัพส่งทหารมาช่วยควบคุมเหตุการณ์ และนิวยอร์คเต็มไปด้วยซากปรักหักพังโดยที่มีฮัดตามมาด้วย และไม่พลาดที่จะบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วยกล้องที่อยู่ในมือ .
ด้วยเรื่องราวและวิธีการนำเสนอ Cloverfield ก็คืองานที่เล่าเรื่องผ่านสายตาของผู้ประสบเหตุแบบเพียวๆ และยังนำเสนอผ่านทางกล้องของหนึ่งในผู้ประสบเหตุครั้งนี้ หนังอาจจะไม่มีเบื้องลึกอะไรมากมายนักในส่วนของความเป็นมา จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งตัวสัตว์ประหลาดเอง ที่บางคนอาจจะมองว่าหนังขาดแบ็คกราวนด์ รายละเอียด หรือการปูพื้นอะไรต่างๆนานา ทั้งทีมองกันจริงๆแล้ว ไม่ใช่หนังในแบบทั่วๆไป แต่นี่คือหนังที่เลียนแบบเหตุการณ์จริง และนำเสนอผ่านมุมมอง และสายตาของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นก็เหมือนกับเวลาที่เรากำลังนั่งดูคลิปอะไรสักอย่าง เราคงไม่ต้องมานั่งถามกันว่า คู่รักคู่นั้นรักกันมากไหม? ทั้งคู่ทำงานทำการอะไร? แน่นอนว่าภาพที่ปรา
กฎบนจอนั้น อาจจะไม่ชัดเจนนัก อาจจะดูวูบๆวาบๆไปตามการเหวี่ยงมือของผู้ถ่าย สั่นไปตามจังหวะการเดินของผู้ที่ถือ แสงอาจจะมืดไปบ้าง หรือไม่ก็จ้าเกินไป และไม่ผิด หากจะมองว่า Cloverfield ก็คือคลิปวิดีโอขนาดยักษ์ที่เอามาฉายขึ้นจอใหญ่ เทคนิคการนำเสนอแบบนี้ บางคนอาจจะมองว่าเป็นวิธีการใหม่ แต่ครั้งหนึ่ง หนังเล็กๆอย่าง Blair Witch Project ก็เคยนำมาใช้ และได้ผลจนประสบความสำเร็จทางด้านรายรับมาแล้ว แต่คงไม่ใช่เพียงเพราะตัวหนังเพียงอย่างเดียวที่ทำงาน หากต้องอาศัยการโปรโมทที่พิเศษและแปลกไปกว่าการทำโปรโมทหนังแอ็คชั่น หรือหนังที่นำเสนอออกมาแบบทั่วๆไป และ Blair Witch Project ก็นำสื่อใหม่ (ในตอนนั้น) อย่างอินเตอร์เน็ทมาใช้อย่างได้ผล ด้วยการสร้างเรื่องราวของกลุ่มหนุ่มสาวที่หายเข้าไปในป่า ที่เชื่อกันว่ามีแม่มดอาศัยอยู่มาเป็นประเด็น แล้วค่อยๆหย่อนเรื่องลงไปทีละนิดๆ เช่น พบรถของพวกเขา ตามมาด้วยพบกระเป๋า และในท้ายที่สุด พบวิดีโอที่พวกเขาถ่ายเอาไว้ ซึ่งก็จะได้ชมกันเป็นหนัง Blair Witch Project ในเวลาต่อมา . .
ขณะที่ Blair Witch Project คือผลตอบรับของการใช้อินเตอร์ที่คุ้มค่าและใช้เป็น . . สำหรับ วันวิบัติอสูรกายถล่มโลก เองก็น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายด้วยเหมือนกัน ด้วยการอัพโหลดคลิปต่างๆไปบนอินเตอร์เน็ท เช่นในเว็ปไซต์ยูทู้บ รวมไปจนถึงบันทึกส่วนตัวของตัวละครในเรื่องตามบล็อกสเปซต่างๆ แล้วนำมาใช้ในการ
โปรโมทภาพยนตร์
และมองกันดีดีกับเนื้อหาของ Cloverfield ย่อมยากและหินกว่า Blair Witch Project ไปอีกขั้น เพราะหนังเล่นกับเรื่องราวที่ใหญ่กว่า และมีความไม่น่าเชื่อถือของคนส่วนใหญ่มากกว่า เพราะฉะนั้นหากจะหันมาเล่นมุขเดิมๆ ว่านี่คือเรื่องจริงหรือเปล่า? ก็คงจะไม่ได้ เพราะใครๆก็ย่อมรู้กันดีอยู่ว่านี่คือเรื่องแต่ง
5 wins & 23 nominations.
USA
14566
นี่คือเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนชาวนิวยอร์ค 5 คน ที่ประกอบไปด้วย เจสัน , ลิลี่ , มาเลนาร์ , ฮัด , เบ็ธ และบ็อบ ที่กำลังสนุกอยู่ในงานฉลองเลี้ยงส่งบ็อบไปทำงานที่ญี่ปุ่น โดยมีฮัดทำหน้าที่บันทึกภาพงานเลี้ยง และคำสัมภาษณ์ของบรรดาแขกๆทั้งหลายในงานนี้ ด้วยความไม่เข้าใจกัน ทำให้บ็อบทะเลาะกับเบ็ธ จนรุนแรงจนกระทั่งฝ่ายหลังขอตัวกลับออกจากงาน แต่พอเบ็ธกับหนุ่มที่ควงมาด้วย คล้อยหลังกลับไปได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้น ทีแรกทุกคนคิดว่าเป็นแผ่นดินไหว แต่ไม่นานทั้งหมดก็รู้ว่านี่คือฝีมือของสัตว์ประหลาด ที่มาถล่มกรุงนิวยอร์ค ทุกคนพยายามหาทางหนี แต่แล้วเบ็ธกลับโทรมาหาบ็อบ พร้อมน้ำเสียงที่แสดงถึงอาการเจ็บปวดแทนที่จะหาทางหนี บ็อบกลับหาทางกลับเข้าเมืองเพื่อไปช่วยเบ็ธ ในช่วงเวลาที่ทางกองทัพส่งทหารมาช่วยควบคุมเหตุการณ์ และนิวยอร์คเต็มไปด้วยซากปรักหักพังโดยที่มีฮัดตามมาด้วย และไม่พลาดที่จะบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ด้วยกล้องที่อยู่ในมือ .
ด้วยเรื่องราวและวิธีการนำเสนอ Cloverfield ก็คืองานที่เล่าเรื่องผ่านสายตาของผู้ประสบเหตุแบบเพียวๆ และยังนำเสนอผ่านทางกล้องของหนึ่งในผู้ประสบเหตุครั้งนี้ หนังอาจจะไม่มีเบื้องลึกอะไรมากมายนักในส่วนของความเป็นมา จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งตัวสัตว์ประหลาดเอง ที่บางคนอาจจะมองว่าหนังขาดแบ็คกราวนด์ รายละเอียด หรือการปูพื้นอะไรต่างๆนานา ทั้งทีมองกันจริงๆแล้ว ไม่ใช่หนังในแบบทั่วๆไป แต่นี่คือหนังที่เลียนแบบเหตุการณ์จริง และนำเสนอผ่านมุมมอง และสายตาของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นก็เหมือนกับเวลาที่เรากำลังนั่งดูคลิปอะไรสักอย่าง เราคงไม่ต้องมานั่งถามกันว่า คู่รักคู่นั้นรักกันมากไหม? ทั้งคู่ทำงานทำการอะไร? แน่นอนว่าภาพที่ปรา
กฎบนจอนั้น อาจจะไม่ชัดเจนนัก อาจจะดูวูบๆวาบๆไปตามการเหวี่ยงมือของผู้ถ่าย สั่นไปตามจังหวะการเดินของผู้ที่ถือ แสงอาจจะมืดไปบ้าง หรือไม่ก็จ้าเกินไป และไม่ผิด หากจะมองว่า Cloverfield ก็คือคลิปวิดีโอขนาดยักษ์ที่เอามาฉายขึ้นจอใหญ่ เทคนิคการนำเสนอแบบนี้ บางคนอาจจะมองว่าเป็นวิธีการใหม่ แต่ครั้งหนึ่ง หนังเล็กๆอย่าง Blair Witch Project ก็เคยนำมาใช้ และได้ผลจนประสบความสำเร็จทางด้านรายรับมาแล้ว แต่คงไม่ใช่เพียงเพราะตัวหนังเพียงอย่างเดียวที่ทำงาน หากต้องอาศัยการโปรโมทที่พิเศษและแปลกไปกว่าการทำโปรโมทหนังแอ็คชั่น หรือหนังที่นำเสนอออกมาแบบทั่วๆไป และ Blair Witch Project ก็นำสื่อใหม่ (ในตอนนั้น) อย่างอินเตอร์เน็ทมาใช้อย่างได้ผล ด้วยการสร้างเรื่องราวของกลุ่มหนุ่มสาวที่หายเข้าไปในป่า ที่เชื่อกันว่ามีแม่มดอาศัยอยู่มาเป็นประเด็น แล้วค่อยๆหย่อนเรื่องลงไปทีละนิดๆ เช่น พบรถของพวกเขา ตามมาด้วยพบกระเป๋า และในท้ายที่สุด พบวิดีโอที่พวกเขาถ่ายเอาไว้ ซึ่งก็จะได้ชมกันเป็นหนัง Blair Witch Project ในเวลาต่อมา . .
ขณะที่ Blair Witch Project คือผลตอบรับของการใช้อินเตอร์ที่คุ้มค่าและใช้เป็น . . สำหรับ วันวิบัติอสูรกายถล่มโลก เองก็น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายด้วยเหมือนกัน ด้วยการอัพโหลดคลิปต่างๆไปบนอินเตอร์เน็ท เช่นในเว็ปไซต์ยูทู้บ รวมไปจนถึงบันทึกส่วนตัวของตัวละครในเรื่องตามบล็อกสเปซต่างๆ แล้วนำมาใช้ในการ
โปรโมทภาพยนตร์
และมองกันดีดีกับเนื้อหาของ Cloverfield ย่อมยากและหินกว่า Blair Witch Project ไปอีกขั้น เพราะหนังเล่นกับเรื่องราวที่ใหญ่กว่า และมีความไม่น่าเชื่อถือของคนส่วนใหญ่มากกว่า เพราะฉะนั้นหากจะหันมาเล่นมุขเดิมๆ ว่านี่คือเรื่องจริงหรือเปล่า? ก็คงจะไม่ได้ เพราะใครๆก็ย่อมรู้กันดีอยู่ว่านี่คือเรื่องแต่ง
ตัวอย่างหนัง
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment